พูดไม่ค่อยเก่ง แต่พร้อมนำเต็มที่ กับ 5 วิธีบริหารทีมสไตล์หัวหน้าพูดน้อย

พูดไม่ค่อยเก่ง แต่รักหมดใจ ถ้าทีมชอบอะไรก็หาให้เจอ เมื่อเราเป็นคนพูดน้อย จะทำยังไงให้ทีมเข้าใจ กับ 5 วิธีเชื่อมใจลูกทีมในสไตล์ลีดเดอร์ที่พูดไม่เก่ง

Last updated on เม.ย. 18, 2024

Posted on เม.ย. 9, 2024

เมื่อคนพูดไม่เก่ง ต้องเป็นหัวหน้า จะจัดการยังไงดี?

คนประเภทที่พูดน้อย ขี้อาย หรือกลุ่มอินโทรเวิร์ตนั้น มักจะถูกมองว่าเป็นคนไม่รู้จักสื่อสาร จนยุคหนึ่งถูกคนค่อนขอดว่าจะทำงานได้ไหม หากต้องไปเป็นหัวหน้า นั่นทำให้สมัยก่อน คนที่ได้เป็นผู้นำจึงมักเป็นคนที่เข้าสังคม เพราะคนกลุ่มนี้รู้จักวิธีการพูด สามารถสร้างแรงจูงใจ เพื่อกระตุ้นอารมณ์ของคนได้

อย่างไรก็ตามในยุคหลังก็มีการพิสูจน์แล้วว่าสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องจริง เพราะคนพูดน้อยก็สามารถสำเร็จได้ ซึ่งผู้นำมากมายไม่ว่าจะเป็นบิล เกตส์ (Bill Gates), วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett), มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) หรือกระทั่งอับราฮัม ลินคอล์น (Abraham Lincoln) เองนั้นก็ไม่ใช่คนชอบเข้าสังคมแต่อย่างใด ทว่าพวกเขาเหล่านี้ต่างมีจุดแข็งตรงที่ทุกคนสามารถ ‘ทำให้ผู้อื่นยอมรับได้’ ว่าแต่ทำไมผู้นำที่พูดน้อยถึงสามารถสะกดใจคนได้กันนะ

ผู้นำที่พูดน้อยนั้นก็ตามชื่อเลย เพราะหลายคนชอบเก็บตัวหรือเป็นอินโทรเวิร์ต นั่นทำให้พวกเขาชอบทำงานด้วยการคิดมากกว่าพูด ซึ่งช่วยให้สามารถตัดสินใจได้อย่างลึกซึ้ง อีกทั้งคนที่พูดน้อยเองนั้นก็มีแนวโน้มที่จะเป็นผู้ฟังที่ดี สามารถเข้าใจความต้องการของลูกทีมได้

ในเว็บไซต์ uschamber.com ได้พูดถึงการสำรวจของผู้นำระดับโลกกว่า 56% แล้วพบว่าการเป็นผู้นำระดับสูงนั้นเกี่ยวข้องกับการสื่อสารอย่างชัดเจน ฉะนั้นแล้วผู้นำจึงเป็นคนที่ควรสื่อสารให้บ่อย

การสื่อสารไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนธรรมดา แต่หลายครั้งมันกลับเป็นเรื่องยากสำหรับคนพูดน้อย เพราะกำแพงเหล่านี้มันอาจทำให้เรารู้สึกว่าหมดพลังเร็วได้ ดังนั้นแล้วเมื่อการสื่อสารเป็นหัวใจสำคัญ แต่เราดันไม่ถนัดสื่อสาร แล้วจะทำยังไงกันนะ

1. รับฟังอย่างตั้งใจ

ถึงแม้ว่าเราจะไม่ถนัดพูด แต่เราก็สามารถเป็นผู้ฟังที่ดีได้นะ เพราะการตั้งใจฟังสิ่งที่ลูกทีมต้องการ จดบันทึกคีย์เวิร์ดสำคัญ และทำให้ลูกทีมรู้ว่าเราได้ยินพวกเขาเสมอ เป็นวิธีหนึ่งในการสื่อสารที่ดี เพราะการทำเช่นนี้คือการพูดสิ่งที่ลูกทีมพูดกลับไปให้พวกเขาฟังอีกครั้ง


2. ขอนัดคุย 1-1 ล่วงหน้า

บางครั้งการอยู่ต่อหน้าคนมากมาย ทำให้คนพูดน้อยรู้สึกหมดพลังได้ง่าย ดังนั้นแล้วเราจึงต้องพยายามเวทน้ำหนักให้ดี ว่าจะให้น้ำหนักกับสิ่งไหน เพราะหลังจากเราพูดต่อหน้าคนมากมาย ก็ให้หาเวลาสักพักเพื่อมาชาร์จพลังตัวเอง และนัดหมายเพื่อพูดคุยล่วงหน้าด้วยจำนวนคนที่น้อยลง ไม่เพียงแค่นั้นการประชุมแบบ 1-1 จะช่วยให้เราแน่ใจว่าจะไม่ถูกกระตุ้นจากคนมากเกินไป ซึ่งทำให้เราสามารถโฟกัสกับลูกทีมได้เต็มที่


3. จ่ายงานหลังการประชุม

บางครั้ง ในฐานะคนที่ต้องสื่อสารในห้องประชุม เราเองก็อาจมีหลุดโฟกัสได้ ฉะนั้นแล้วการบันทึกเสียง หรือถอดเทปออกมา เพื่อทบทวนเนื้อหาในตอนที่ประชุม จะทำให้เราสามารถมอบหมายงานส่วนตัวได้ถูกคน แล้วรู้ว่าต้องแจกจ่ายงานให้กับใคร


4. ตัดสินใจให้เร็วกว่าเดิม

การ Take Action ทันทีเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญของคนเป็นลีดเดอร์ แต่ปัญหาคือคนพูดน้อยมักจะใช้เวลาในการตัดสินมากกว่าคนที่ชอบเข้าสังคม ซึ่งทำให้บางครั้ง ความชักช้าของคนพูดน้อยอาจทำให้งานกระจุกกันเป็นคอขวด จนทีมรู้สึกหงุดหงิดได้ ซึ่งการตัดสินใจได้เร็วขึ้นจะช่วยแก้ปัญหาในจุดนี้ ทำให้งานทีม Flow ขึ้น ไม่มากระจุกอีกต่อไป


5. ให้การโทรเป็นลำดับสุดท้าย

อาจจะดูย้อนแยงไปหน่อยกับข้อเมื่อกี้ ทว่าคนพูดน้อยหลายคนชอบการสื่อสารด้วย Text มากกว่า เพราะเราต่างชอบการสนทนาด้วยการใช้ข้อความ และไตร่ตรองก่อนกำลังจะพูด ซึ่งเมื่อเราต้องเป็นหัวหน้า ควรมีมาตรการเรื่องการสื่อสารให้ดี เพราะการสื่อสารด้วยข้อความอยู่เสมอ จะช่วยให้เราสามารถคุยกับทีมได้อย่างไหลลื่น แม้จะไม่ได้ยินเสียงก็ตาม ซึ่งหากมีอะไรด่วนจริง ๆ ก็ให้การโทรนั้นเป็นลำดับสุดท้าย

คนพูดน้อยมักจะชอบชาร์จแบตด้วยการอยู่กับตัวเอง ซึ่งเป็นความสุขอย่างหนึ่งของชีวิต ในทางตรงกันข้าม การขึ้นเป็นหัวหน้าก็คือการที่ต้องสื่อสารมากกว่าเดิม และต้องปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นมากขึ้น เราต้องรู้ว่าเราจะไม่สามารถทำงานคนเดียวได้อีกต่อไป ฉะนั้นแล้วจงมองผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก เพราะมันจะนำมาซึ่งความก้าวหน้าของทีม ซึ่งการกำหนดขอบเขตของการสื่อสารจะช่วยให้เราสามารถเป็นหัวหน้าที่ดีได้ แม้จะพูดน้อยก็ตาม


ท้ายที่สุดก็จงอย่าลืมว่าการพูดน้อยไม่ใช่โรค มันไม่ใช่ปัญหาหนักหนาของชีวิต จงอย่านำสิ่งนี้มาเป็นข้ออ้างในการไม่สื่อสาร เพราะมืออาชีพ และหัวหน้าที่เก่ง จะรู้วิธีรับมือกับการต้องสื่อสารได้ แม้ว่าเขาจะไม่ชอบสิ่งนั้นเลยก็ตาม


แปล เรียบเรียง: พีรพล สดทรัพย์

ที่มา

trending trending sports recipe

Share on

Tags