เป็นหัวหน้าตลก แต่ไม่ตลอด ทำยังไงให้ลูกทีมรู้ว่าเราจริงจัง ในขณะเดียวกันก็อยากสร้างความขันในออฟฟิศ

Last updated on ธ.ค. 18, 2023

Posted on ธ.ค. 12, 2023

เมื่อพูดถึงออฟฟิศ เรามักจะคิดถึงสถานที่ทำงานอันเป็นสภาพแวดล้อมที่มีความคอนทราส ในบางเวลาเราก็หัวเราะกันอย่างบ้าคลั่ง แต่บางครั้งก็เงียบกริบเพราะความเคร่งเครียด

ฉะนั้นอารมณ์ขันจึงกลายเป็นทรัพย์สินอันมีค่าสำหรับหัวหน้าทุกคน เจ้านายที่ตลกจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานเชิงบวก และมีประสิทธิผลมากขึ้น ด้วยการส่งเสริมขวัญกำลังใจให้กับทีม

ในงานวิจัยของ Robert Half International พบว่า 91% ของผู้บริหารเชื่อว่าการมีอารมณ์ขันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความก้าวหน้า และ 84% เชื่อว่าความตลกช่วยให้ผู้คนทำงานได้ดีขึ้นจริง ๆ ฉะนั้นแล้วหากเราเป็นลีดเดอร์ที่ต้องการเลื่อนตำแหน่ง การรู้ว่าจังหวะตลกในเวลาที่เหมาะสมจะทำให้เราได้เปรียบเหนือคนอื่น

แต่เอาจริง ๆ การใช้อารมณ์ขันในการทำงานก็ค่อนข้างท้าทาย เพราะการเป็นคนที่ไม่ตึงเกินไป ในขณะเดียวกันก็รู้จังหวะที่จะไม่ล้ำเส้นนั้นก็เป็นเรื่องยาก นั่นทำให้เซนส์เหล่านี้จึงไม่ใช่สิ่งที่ลีดเดอร์ทุกคนจะทำได้ ฉะนั้นแล้ว ถ้าอยากเป็นคนที่บาลานซ์ความตลกกับความจริงจังได้ดี สิ่งสำคัญอันดับหนึ่งที่ต้องมีคือ ‘การเป็นตัวเอง’ เพราะทัศนคตินี้จะช่วยสร้างสภาพวัฒนธรรมเชิงบวกในที่ทำงาน และถ้าเราเป็นคนที่ตลกมาตลอด ก็ไม่ต้องเก๊กนิ่งเพียงเพราะได้ขยับมาเป็นหัวหน้าหรอกนะ

จะแน่ใจได้ยังไงว่าเราจะใช้อารมณ์ขันในที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

😁 1. ใช้กฏ Three Gag 😁

กฎ Three Gag ระบุว่าในระหว่างการสนทนา หรือการประชุมที่เกี่ยวข้องกับงาน หากใครก็ตามในทีมพูดเรื่องตลกมากกว่า 3 ครั้งติดต่อกันนั้น ก็เป็นจำนวนที่พอแล้ว เพราะทุกคนถึงเวลาต้องกลับมาจริงจังซักที ซึ่งเอาจริงการหยอดเรื่องตลก 3 เรื่องก็เพียงพอที่จะเล่าเรื่องที่ดีได้ เพราะสมองมนุษย์ของเรามักจะแอ็กทีฟกับเลข 3 มันช่วยสร้างความสนิทสนมให้ทีม ยกระดับความคิด โดยที่ไม่ออกทะเลจนเกินไป

ทว่ากฎ Three Gag ก็ไม่ใช่กฎที่สมบูรณ์แบบหรอกนะ เพราะบางครั้งความเป็นตัวเอง ก็เป็นสิ่งที่เราควรมีมากที่สุด หากเรากำลังนำเสนออะไรบางอย่าง เราอาจจะหยอดเรื่องตลกในการพรีเซนต์มากกว่า 3 เรื่อง เพื่อให้มันรีเรทกับคนฟังได้ ฉะนั้นแล้วจงอย่าปิดกั้นความคิดเพียงเพราะว่าเราใช้โควตาเรื่องตลกถึงขีดจำกัดแล้ว ทว่าหากเราคิดว่ามากเกินไป เจ้ากฎ Three Gag ก็สามารถช่วยให้เราสามารถบาลานซ์ระหว่างความตลกกับความจริงจังได้นะ


😂 2. ใช้ความตลกมากระจายสถานการณ์ที่ตึงเครียด 😂

หากมีบางอย่างไม่เป็นไปตามที่ลูกทีมหวัง (เช่น ปิดการขายไม่ได้) จนทำให้พวกเขารู้สึกห่อเหี่ยวใจ เราสามารถใช้ความตลกมาทำให้อารมณ์ของพวกเขาผ่อนคลายได้ เพราะอารมณ์ขันสามารถแทรกเข้ามา เพื่อช่วยลดความรู้สึกเฟล และทำให้ผู้คนมีกำลังใจสำหรับโปรเจกต์ต่อไป แทนที่จะรู้สึกหดหู่กับโปรเจกต์ที่ไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดไว้


😉 3. รู้เวลาที่เหมาะสม

แน่นอนว่าในสถานการณ์ที่น่าเศร้าหรือเวลาที่ใครบางคนอารมณ์เสียนั้น คือสิ่งที่ไม่ควรจะมีอาการขำออกมา ทว่า ในที่ทำงานนั้นเราก็ควรคอยวัดระดับพลังของทีมอยู่เสมอ ถ้าพวกเขารู้สึกเครียดก็เติมความขันเข้าไป หรือในเวลาที่พวกเขามีสมาธิจดจ่อ ก็ไม่ควรไปชวนคุยให้ออกนอกเส้นทาง เพราะการเอาช่วงที่ไอเดียพลั่งพลูกลับมานั้น มันยากกว่าการพูดเรื่องตลกอีก


🤐 4. อย่านำความตลกไปบูลลี่คนอื่น 🤐

แม้ว่าการเล่าเรื่องตลกจะเป็นความสนุกของวงสนทนาก็ตาม แต่จุดหนึ่งที่เราควรรู้ไว้ก็คือ ไม่ควรนำสิ่งนี้ไปบูลลี่คนอื่น เพราะการบูลลี่จะทำให้พวกเขารู้สึกโดดเดี่ยวอย่างมาก มันไม่ได้ส่งผลกระทบแค่คนใดคนหนึ่ง แต่ยังรวมถึงลูกค้ากับผู้ที่ไม่ได้ทำงานในองค์กรด้วย ยิ่งเราเป็นหัวหน้าด้วยแล้วยิ่งไม่ควรที่จะทำสิ่งนั้น ทว่ามันก็มีข้อยกเว้นอยู่อย่างหนึ่ง ถ้าเกิดจะล้อเลียนใครซักคนจริง ๆ มันก็มีหนึ่งคนที่เราสามารถล้อเลียนได้เต็มที่ในข้อต่อไป


😜 5. จงล้อเลียนตัวเราเอง 😜

ในทางกลับกัน ตัวเราเองนี่แหละ คือคนที่เราสามารถล้อเลียนได้มากเท่าที่ต้องการ สิ่งที่ควรคิดถึงคือ ต้องดูด้วยว่าเรื่องที่เราจะเล่าหรือขำกับมัน เป็นข้อผิดพลาดที่ใหญ่ไหม เพราะหากหัวเราะในข้อผิดพลาดที่ใหญ่เกินไป เราอาจถูกมองว่าเป็นหัวหน้าที่ไม่จริงจัง และไม่ใส่ใจบริษัทมากพอได้ ดังนั้นควรหยิบ Topic ที่เป็นเรื่องตลก เล็ก ๆ น้อย ๆ อาทิ การตกเตียงในตอนเช้า หรือผ่าฟันคุดจนหน้าปูดบวม สิ่งนี้จะช่วยสร้างอารมณ์ขันของเราให้ดีขึ้นได้

เมื่อหัวหน้าได้หัวเราะในที่ทำงาน มันสามารถช่วยให้ลูกทีมสนุกกับงานได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเราสร้างสภาพแวดล้อมบนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกัน และกันภายในทีม รวมถึงสร้างช่องทางเพื่อความสนุกสนานไปด้วย มันก็จะทำให้ทุกคนสามารถแบ่งปันเสียงหัวเราะได้อย่างน้อยวันละครั้ง ยิ่งในยุคสมัยนี้ การมีเสียงหัวเราะในออฟฟิศยิ่งเป็นเรื่องสำคัญ

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญในที่นี้คือ เราไม่จำเป็นต้องคิดถึงการเป็นตัวเองหรือฝืนตัวเอง แต่ต้องแน่ใจว่าอารมณ์ขันของเราจะมีประสิทธิภาพ ฉะนั้นจงอย่าเครียดว่าเล่นมุกออกไปแล้วจะทำให้เราดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือไม่ได้รับความเคารพ แต่จงหาช่องว่างในการใช้อารมณ์ขันที่ถูกต้องให้เจอก็พอ


ท้ายที่สุด ในฐานะหัวหน้าหรือลีดเดอร์ มันเป็นหน้าที่ของเราที่จะใช้ความสามารถ และบุคลิกภาพทั้งหมดของเราในวิธีที่ดีที่สุดเพื่อช่วยให้องค์กรก้าวไปข้างหน้า เพราะถ้าเราใช้ความตลกอย่างถูกที่ถูกเวลา อารมณ์ขันจะกลายเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามหาศาลเลยล่ะ


แปล เรียบเรียง: พีรพล สดทรัพย์

ที่มา

trending trending sports recipe

Share on

Tags