หัวหน้าทำอย่างไรให้ลูกทีมมองเป้าหมายเดียวกับองค์กร

Last updated on ม.ค. 13, 2024

Posted on ม.ค. 8, 2024

เวลาที่เราตั้งเป้าว่าปีหน้าองค์กรจะโตกว่าเดิม ทำไมลูกทีมถึงมองภาพเป้าหมายไม่เหมือนกับเรากันนะ

ลูกทีมบางคนก็รู้สึกว่าบริษัทต้องขยาย บางคนก็อยากให้รายรับเยอะขึ้น บางคนก็รู้สึกว่างานต้องสบาย ฉะนั้นแล้วเราจะเห็นได้เลยว่าการตั้งเป้าหมาย จึงเป็นสิ่งที่ทำให้คนมองภาพเดียวกันได้ยาก

ในความเป็นจริง แม้แต่พนักงานระดับหัวหน้าก็รู้สึกหวาดกลัวต่อการตั้งเป้าหมายตามที่ฝ่ายบริหารวางไว้เช่นกัน เพราะเมื่อบริษัทวางเป้าหมายกว้างเกินไป อาจสร้างประสบการณ์เชิงลบในการทำงานต่อลูกทีม จนเกิดการหมดไฟได้

ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น จากการสำรวจของ Kronos และ Future Workplace กล่าวว่า HR ระดับหัวหน้าถึง 46% พบว่าความเหนื่อยล้าจากการตั้งเป้าหมายขององค์กร เป็นสาเหตุให้พนักงานลาออกถึงครึ่งหนึ่ง

เมื่อหัวหน้าไม่พิจารณาเป้าหมายขององค์กร ว่าสอดคล้องกับสิ่งที่พนักงานมองหรือไม่ อาจทำให้องค์กรสูญเสียสมาชิกในทีมที่มีแรงจูงใจได้ 

ในอีกด้าน การตั้งเป้าหมายก็มีประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะการศึกษา ที่ตีพิมพ์โดย Elsevier บนเว็บไซต์ ScienceDirect พบว่าการตั้งเป้าหมาย ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานได้ 12 - 15% เมื่อเทียบกับองค์กรที่ไม่ได้ตั้งเป้าหมาย

ฉะนั้นแล้วเคล็ดลับสำหรับหัวหน้านั้น เราเองก็ต้องหาวิธีที่ถูกต้องในการตั้งเป้าหมาย เพื่อให้ลูกทีมมองภาพเดียวกันได้ แต่น่าเสียดายที่หัวหน้าหลายคนทำมันไม่สำเร็จ จนลูกทีมขาดแรงจูงใจ แล้วทำไมถึงเป็นแบบนั้นกันล่ะ

⚡ 1. ภาวะความคลุมเครือ ⚡

เมื่อองค์กรตั้งเป้าหมายที่คลุมเครือ  ลูกทีมจึงติดอยู่กับเป้าหมายเดิมเป็นเวลานานเกินไป ทำให้หลายครั้งเป้าหมายจึงกลายเป็นสิ่งปฏิบัติตามได้ยาก ตัวอย่าง หากเราตั้งเป้าว่าบริษัทต้องโตขึ้น แต่ลูกทีมไม่รู้ว่าโตด้านไหนถึงจะพอใจต่อองค์กร พวกเขาก็จะรู้สึกหงุดหงิด แล้วก็ไม่สนใจเป้าหมาย 

ดังนั้นแล้วหัวหน้าต้องมานั่งจับเข่าคุยกับลูกทีม เพื่อสร้างเป้าหมายทั้งระยะยาว และระยะสั้น ซึ่งช่วยให้พนักงานมีความเข้าใจ ไปจนถึงมุมมองในการบรรลุเป้าหมายขององค์กร

สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราต้องกำหนดเป้าหมายระยะสั้น ไว้ในเป้าหมายระยะยาว ซึ่งจะช่วยให้ลูกทีมมีแรงบันดาลใจ ในการทำตามเป้าหมายขององค์กรได้ตลอดทั้งปี


⚡ 2. หัวหน้าขาดความน่าเชื่อถือ ⚡

ความสัมพันธ์ของเรากับลูกทีม เป็นกุญแจสำคัญในการทำให้พวกเขามองภาพเดียวกับบริษัทได้ หากหัวหน้าต้องการซื้อใจให้ลูกทีมเชื่อใจในเป้าที่เราอยากจะไป เราจึงต้องเป็นผู้นำที่น่าเชื่อถือมากขึ้น ซึ่งมีลักษณะดังนี้

👉 ปฏิบัติในสิ่งที่ลูกทีม ‘กำลังจะทำ’ อย่างสม่ำเสมอ
👉 เมื่อสัญญาอะไรต้องให้เกินกว่านั้น
👉 กระตือรือร้นที่จะสนใจลูกทีม
👉 หมั่นพูดคุยกับลูกทีม ถามคำถาม และรับฟัง
👉 เวลาสั่งงานอย่าเปลี่ยนใจบ่อยนัก 
👉 เมื่อลูกทีมต้องบริหารงานเอง ให้อธิบายอย่างชัดเจนว่าพวกเขาสามารถทิ้งงานไหนไว้ก่อน แล้วค่อยมาเน้นที่งานสำคัญ
👉 แม้ว่าจะเป็นหน้าที่ แต่จงขอบคุณพวกเขาเสมอ เมื่อลูกทีมทำงานเสร็จเรียบร้อย
👉 คอยถามลูกทีมเรื่องงาน สิ่งสำคัญในชีวิต และอย่าลืมขอคำแนะนำจากเขา ถ้าเราอยากจะปรับปรุงอะไร
👉 เคารพเวลาทำงาน โดยพยายามไม่ประชุมนอกเวลางาน หรือเกินกว่าเวลา

หากเราไม่สามารถทำสิ่งนี้เกินกว่า 5 อย่างได้ จะทำให้พนักงานรู้สึกไว้วางใจเราน้อยลง แน่ล่ะว่าการที่มีหัวหน้าที่ไม่น่าเชื่อถือ ทำให้หลายคนมีความระแวง ฉะนั้นถ้าเราจะซื้อใจลูกทีม เราต้องหมั่นทำสิ่งเหล่านี้ ด้วยความเชื่อว่าตัวเองเชื่อถือได้ ก่อนที่จะให้คนมาเชื่อถือเรา 

อย่างไรก็ตาม จงอย่าคาดหวังปาฏิหาริย์ตั้งแต่เริ่มแรก ว่าพวกเขาจะเชื่อใจเรา เพราะความไว้วางใจต้องใช้เวลา ต้องการการพิสูจน์ ต้องมีการรักษา และต้องมีการปรับปรุงอยู่เสมอ


⚡ 3. ลูกทีมมองแค่เรื่องของตน ⚡

เวลาที่ลูกทีมจะจัดการโปรเจกต์ไหน สิ่งหนึ่งที่เราควรรู้คือ จะทำให้อย่างไรให้พวกเขาเห็น และพัฒนาภาพรวมของบริษัทให้ก้าวหน้า แต่การจะทำแบบนั้นได้ ลูกทีมเองก็จำเป็นต้องเข้าใจ ‘สาเหตุ’ ที่อยู่เบื้องหลังของการตั้งเป้าหมาย (อาทิ ทำไมปีนี้องค์ถึงอยากทำสิ่งนั้นได้) และโปรเจกต์ส่วนตัวที่พวกเขาต้องทำเพื่อให้บริษัทบรรลุเป้าหมาย

เมื่อลูกทีมตระหนักว่าการกระทำของตนส่งผลต่อบริษัท เพื่อนร่วมงาน และลูกค้าอย่างไร พวกเขาก็จะมองเห็นภาพเดียวกัน มีแรงจูงใจ รวมทั้งกระตือรือร้นต่อการบรรลุเป้าหมายเพื่อบริษัทมากขึ้น

ฉะนั้นแล้ว สิ่งสำคัญคือ เมื่อหัวหน้าได้รับเป้าหมายอะไรมาจากองค์กร ก็ควรนำสิ่งนี้มาคุยกับลูกทีมว่าเป้าหมายเหล่านี้สอดคล้องกับการทำงานมากแค่ไหน ต้องมีการแบ่งระบบการทำงานอย่างไร เพื่อให้ทีมสามารถทำได้ทั้งเป้าหมายในแต่ละวัน รวมถึงดำเนินงานในภาพใหญ่ขององค์กร ซึ่งสำคัญคือการคุยนั้นต้องเคลียร์พอที่ทุกคนจะมองภาพใหญ่เดียวกันได้  

ท้ายที่สุด เมื่อบริษัททำเป้าหมายไหนได้ ก็อย่าลืมจัดกิจกรรมประจำไตรมาส (ทั้งเล็ก และใหญ่) เพื่อเฉลิมฉลองให้กับพนักงานเหล่านั้น และทุกสิ่งที่พวกเขาบรรลุเป้าหมายในงานนี้ จงอย่าลืมเน้นย้ำถึงผลตอบรับเชิงบวกของลูกค้า การเติบโตของบริษัท เพราะการทำกิจกรรมขอบคุณให้พนักงาน จะทำให้พวกเขาอินไปกับเป้าหมายในไตรมาสหน้า และในปีต่อไป


แปล เรียบเรียง: พีรพล สดทรัพย์

ที่มา

trending trending sports recipe

Share on

Tags