จากต้นไม้ของพ่อแม่ในสวนหลังบ้าน สู่การกำเนิดผู้สร้างแอนิเมชันก้องโลก

ถอดบทเรียนครีเอทีฟ Dreaming Tree ของ คุณวอลต์ ดิสนีย์

Last updated on ธ.ค. 11, 2023

Posted on ธ.ค. 5, 2023

จุดเริ่มต้นของความคิดสร้างสรรค์ บางครั้งมันอาจจะอยู่ที่สวนหลังบ้าน หรือที่ไหนสักแห่ง….ภายในบ้านเกิดของเราก็ได้

“แฮปปี้เบิร์ดเดย์” วันที่ 5 ธันวาคม ของทุกปี! วันนี้ถือเป็นวันเกิดของ ‘วอลเตอร์ อีเลียส ดิสนีย์’ (Walter Elias Disney) หรือคุณวอลต์ ดิสนีย์ที่ทุกคนรู้จัก คุณพ่อผู้แสนดีผู้ให้กำเนิดเจ้าหนูมิกกี้เมาส์ สัญลักษณ์ของดิสนีย์ที่ถูกนำมาถ่ายทอดเรื่องราวจนถึงปัจจุบัน และยังเป็นผู้ให้กำเนิดอาณาจักรดิสนีย์, ดิสนีย์แลนด์ และแอนิเมชันชื่อดังอื่น ๆ อีกมากมาย หนึ่งในบุคคลที่ทั่วทั้งโลกยกย่องให้เขาเป็นตำนานแห่งอาณาจักร Disney

เชื่อว่าหลายคนรู้จักชื่อดิสนีย์กันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่รู้ไหมว่าก่อนที่จะมีมิกกี้เมาส์, สโนว์ไวท์, แอเรียล, เอลซ่า หรือล่าสุด Wish อย่างอาช่า จุดกำเนิดเริ่มต้นความคิดสร้างสรรค์เหล่านี้ ถูกส่งต่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับเหล่าศิลปิน และนักสร้างสรรค์มากมาย กับต้นฝ้ายขนาดใหญ่ ที่มีชื่อว่า “Dreaming Tree”

🌳 Dreaming Tree คืออะไร ?

ต้นฝ้ายขนาดยักษ์ที่ถูกตั้งตระหง่านอยู่บนผืนแผ่นดินบ้านเกิดของครอบครัว Disney ในเมือง Marceline (มาร์เซลีน) โดยในวัยหนุ่มซึ่งเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา คุณวอลต์ ดิสนีย์ มักจะชอบนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ Dreaming Tree กับน้องสาวที่ชื่อรูธ (Ruth Flora Disney) ในช่วงนั้นคุณวอลต์ในวัยเด็กได้เริ่มประกอบไอเดียสนุก ๆ ทั้งวัตถุที่เกิดจากธรรมชาติ, สัตว์ต่างนานาชนิดที่อยู่บริเวณนั้น, จังหวะการเดิน, จังหวะการพูด

ด้วยจินตนาการอันหลุดโลกในยุคนั้น จึงทำให้คุณวอลต์เริ่มเนรมิต และเรียกการผจญภัยนั้นว่า ‘Belly Botany’ โดยเป็นเทคนิคที่คอยจับสังเกตทุกสิ่งบนโลก แล้วผสมผสานกับจินตนาการ โดยจับสังเกตการเคลื่อนไหวของแมลง, นก, สัตว์ต่าง ๆ นานาชนิดทุกท่วงท่า หรือแม้กระทั่งกิริยาท่าทางการพูดคุยกันของสัตว์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือแรงบันดาลใจชั้นยอด เพื่อต่อยอดสู่ภาพยนตร์แอนิเมชันจากดิสนีย์อย่าง มิกกี้เมาส์, ซิลลี่ ซิมโฟนี (Silly Symphony), สโนไวส์กับคนแคระทั้งเจ็ด, พินอคคิโอ, ดัมโบ้, แบมบี้, ซินเดอเรลล่า, และอื่น ๆ อีกมากมาย


🌳 ความรักที่ไม่เคยละเลยต่อความฝัน นำไปสู่การสร้างแรงบันดาลใจ

ถ้าเรามองว่าต้นไม้คือต้นไม้ มันก็จะเท่ากับต้นไม้ แต่คุณวอลต์ สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของความคิดสร้างสรรค์นำไปสู่ ‘การสังเกต’ เพื่อรังสรรค์จินตนาการอันไม่รู้จบ หลังจากที่คุณวอลต​์เติบโตขึ้น ก็ต้องมีช่วงเวลาที่ต้องย้ายออกจากบ้านเพื่อไปทำตามฝัน แต่เขาก็ไม่เคยที่จะละเลยความรักที่มีต่อ Dreaming Tree เลยสักครั้ง

เรื่องราวของ Dreaming Tree ได้ถูกต่อยอดไปสู่การสร้างแรงบันดาลใจให้กับเมืองมาร์เซลีน (บ้านเกิดของคุณวอลต​์) โดยภายในเมืองได้เนรมิตรพื้นที่การท่องเที่ยว เช่น ที่ทำการไปรษณีย์วอลต์ดิสนีย์, สวนสาธารณะเทศบาลวอลต์ดิสนีย์, อีพี ริปลีย์ พาร์ค หรือรถไฟซานตาเฟ่อันเลื่องชื่อที่คุณวอลต์ดิสนีย์รักมันมาก ๆ และได้นำมาต่อยอดในการสร้างสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจชั้นยอดให้กับภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง So Dear to My Heart และ ทรามวัยกับไอ้ตูบ (Lady and the Tramp) แอนิเมชันที่เชื่อว่ายังคงตราตรึงในหัวใจของใครหลายคน

ภายในพื้นที่แห่งนี้ คุณวอลต์ และคุณรอย พี่ชายของคุณวอลต์ ยังมีความฝันที่คนในยุคนั้นเรียกว่าบ้ามาก ๆ ก็ได้นั่นคือการทำ Florida Project แต่เนื่องจากคุณวอลต์เกิดป่วย และเสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็งปอดในปี 1966 จึงเป็นหน้าที่ของคุณรอย พี่ชายที่แสนดีที่เก็บเจตนารมณ์อันยิ่งใหญ่นี้เพื่อสานต่อให้เกิดขึ้นจริง โดยในปัจจุบันชื่อนี้ถูกเรียกขนานนามว่า ‘Walt Disney World’ หรือสวนสนุกที่ดีที่สุดในโลกที่รัฐออร์แลนโดนั่นเอง


🎯 จากความหลงใหลขั้นสุดต่อยอดด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นรูปธรรม

องค์ประกอบของความสำเร็จในด้านความคิดสร้างสรรค์ของคุณวอลต์ไม่ใช่เทคนิคขั้นเทพ แต่กลับเป็นแรงบันดาลใจที่ทำด้วยใจจริงในแบบ High Performance คุณวอลต์ไม่เคยทำเล่น ๆ แต่กลับมองเรื่องเล่น ๆ รอบตัวให้เป็นไอเดียสร้างสรรค์ที่ทำงานได้จริง และถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นเสมือนส่งต่อ DNA ให้กับผู้คนในอาณาจักร Disney และนี่คือเคล็ดไม่ลับจากชายที่มองรอยยิ้มให้เราจวบจนถึงยุคปัจจุบัน

🌳 1. พลังแห่งจินตนาการ (The Power of Imagination)

คุณวอลต์ ดิสนีย์เชื่อว่าจินตนาการเป็นรากฐานของความคิดสร้างสรรค์ และเขาสนับสนุนให้ผู้อื่นยอมรับแนวคิดแฟนตาซีของตัวเอง รวมถึงสำรวจความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดของจิตใจของตน ต้นไม้แห่งความฝัน (Dreaming Tree) ทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์ของจินตนาการอันไร้ขีดจำกัด ซึ่งดิสนีย์สามารถสร้างสรรค์โลกแฟนตาซี และตัวละครที่จะทำให้ผู้ชมทั่วโลกหลงใหลได้แบบที่เราเห็นกันในปัจจุบัน

🌳 2. ค้นพบความสำคัญของความอยากรู้ (The Importance of Curiosity)

ความอยากรู้อยากเห็นอันไม่รู้จักพอของ คุณวอลต์ ดิสนีย์ ทำให้เขาแสวงหาประสบการณ์ใหม่ ๆ สังเกตโลกอย่างรอบตัวด้วยสายตาที่เฉียบแหลม และถามคำถามที่จุดประกายจินตนาการของเขาผ่านต้นไม้แห่งความฝัน (Dreaming Tree) กลายเป็นที่ทั้งหลบภัย และความอยากรู้อยากเห็นไปในตัว ซึ่งช่วยให้คุณวอลต์ ดิสนีย์สร้างจินตนาการอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แถมยังได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติ ร่วมเล่นจินตนาการ และพัฒนาความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับประสบการณ์ของชีวิตมนุษย์ และชีวิตของสัตว์

🌳 4. ค้นพบความสำคัญของความฝัน (The Importance of Dreams)

ทำไมการมีความฝันถึงต้องค้นหา “ความสำคัญของมันด้วยล่ะ” คุณวอลต์ ดิสนีย์ เชื่อว่าความฝันไม่ใช่เพียงแค่การหลงใหลในจินตนาการเพียงอย่างเดียว แต่เป็นแหล่งที่มาของการสร้างแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ภายใต้ต้นไม้แห่งความฝัน (Dreaming Tree) กลายเป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อนี้ แสดงถึงพลังของความฝันในการเปิดเผยไอเดียใหม่ ๆ และความเป็นไปได้ คุณวอลต์ ดิสนีย์สนับสนุนให้ผู้อื่นยอมรับความฝันของกันและกัน และติดตามด้วยความหลงใหลและความมุ่งมั่น อย่างภาพยนตร์ล่าสุด Wish คุณฝน วีรสุนทร ก็ได้รับแรงบันดาลใจมากจาก Dreaming Tree ของคุณวอลต์ เช่นกัน

🌳 5. ความสุขแห่งความเรียบง่าย (The Joy of Simplicity)

คุณวอลต์ ดิสนีย์ พบความสุขในความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ของชีวิต และต้นไม้แห่งความฝัน (Dreaming Tree) ก็แสดงถึงความสุขง่าย ๆ เหล่านี้ การใช้เวลาดูแลต้นไม้ล้อมรอบด้วยธรรมชาติ ทำให้คุณวอลต์ ดิสนีย์รู้สึกสงบและเงียบสงบ เป็นเครื่องเตือนใจว่าแม้กระทั่งช่วงเวลาที่ง่ายที่สุดก็สามารถจุดประกายความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจได้เช่นกัน


หวังว่าเพื่อน ๆ ทุกคน คงจะมีรอยยิ้มกับการได้อ่านบทความนี้ที่เสมือนเป็น ‘มรดกตกทอดมาจากคุณวอลต์ ดิสนีย์’ ที่ขอนำมาถ่ายทอดเล่าสู่กันฟังนะ 🥰 🌳


แปล เรียบเรียง: กิตติภพ ปานล้ำเลิศ

ที่มา

trending trending sports recipe

Share on

Tags