7 วิธีปั้นคน Gen Z ให้เป็นผู้นำคนต่อไป ด้วยการให้โอกาสทำงาน สอนให้รู้จักความเป็นผู้นำ

ช่วงไม่กี่ปีมานี้ โลกการทำงานมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจากงานวิจัยของ McKinsey & Company พบว่าเกือบหนึ่งในสี่ของ CEO ที่อายุน้อยกว่า 50 ปี มีมากขึ้นกว่าในอดีตจำนวนมหาศาล

Last updated on ก.ย. 15, 2023

Posted on ก.ย. 8, 2023

Elle De Freitas อายุ 31 ปี เธอเป็น CEO ของ Wonderkind ซึ่งสิ่งที่ทำให้ De Freitas โดดเด่นคืออายุของเธอนั้นถือว่าน้อย เมื่อเทียบกับผู้บริหารระดับสูงส่วนใหญ่ นอกจากนั้นแล้วผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดของบริษัทเธอ ยังเต็มไปด้วยกลุ่มคน Gen Z ที่มีอายุไม่เกิน 26 ปี

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าชาว Gen Z ที่เป็นกลุ่มลีดเดอร์จะมีจำนวนน้อย แต่พวกเขาก็เริ่มเข้ามามีบทบาทกับตลาดแรงงานอย่างเหลือเชื่อ เพราะด้วยมุมมองที่สดใหม่ เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ พลังล้นเหลือ พร้อมผสมความสามารถด้านดิจิทัล นั่นทำให้แม้แต่พนักงาน Gen Z ธรรมดาก็ถูกวางตัวไว้ให้กลายเป็นลีดเดอร์ขององค์กรคนต่อไป

และนี่คือ 7 วิธีปั้น Gen Z ให้เป็นลีดเดอร์คู่องค์กรต่อไปในภายภาคหน้า

1. สอนให้รู้จักตั้งคำถาม

Gen Z มักให้ความสำคัญกับความถูกต้อง และไม่พอใจกับการปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติแบบเดิม ๆ แต่แรงกดดันทางสังคมเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นการกระตุ้นให้พวกเขาตั้งคำถาม และคิดอย่างมีวิจารณญาณ จะช่วยให้ Gen-Z มองเห็นความสำคัญของวิธีแก้ปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริงด้วยมุมมองที่สดใหม่ได้


2. หาโอกาสให้ลองเป็นผู้นำ

Gen-Z เป็นกลุ่มคนที่สามารถทำได้หลายอย่าง แต่การขาดประสบการณ์อาจทำให้การโน้มน้าวใจผู้อื่นเป็นไปได้ยาก จนทำให้หลายคนมองข้ามพวกเขา

ฉะนั้นแล้วเราในฐานะลีดเดอร์ ควรส่งเสริมให้ Gen Z พัฒนาอัตลักษณ์ความเป็นผู้นำตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งสิ่งนี้ช่วยให้พวกเขาสามารถเข้าใจค่านิยม จุดแข็ง และจุดอ่อนของตน จัดระบบความคิด หรือการตัดสินใจให้สอดคล้องกับสิ่งที่พวกเขาเลือกในเส้นทางของการเป็นผู้นำ


3. ช่วยสนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการทำงาน

คน Gen X และ Millennial จำนวนมากรู้สึกสบายใจกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล แต่ความชำนาญด้านดิจิทัลโดยกำเนิดของคน Gen Z ทำให้พวกเขาได้เปรียบ เพราะ Gen Z เติบโตมากับเทคโนโลยี พวกเขาชอบใช้มันเพื่อการทำงาน ฉะนั้นแล้วลีดเดอร์อย่างเราสามารถสนับสนุนพวกเขาได้ด้วยการช่วยให้พวกเขาเข้าถึงเทคโนโลยีมากขึ้น เช่น AI อย่าง ChatGPT, Midjourney หรือจำพวกคลาส e-learning กับการฝึก Virtual reality training ให้พวกเขาได้ลองใช้เครื่องมือสำหรับการเรียนรู้ ซึ่งการเน้นย้ำความสำคัญของการอัพเดทเทรนด์เทคโนโลยี จะกลายเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญของความเป็นผู้นำยุคใหม่


4. ส่งเสริมวิธีการเรียนรู้ส่วนบุคคล

ชาว Gen Z เป็นประเภทที่ชอบเรียนรู้ด้วยตัวเอง ซึ่งความชอบในการเรียนรู้ของ Gen Z ช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาความเป็นผู้นำให้ตรงกับความต้องการและความสนใจส่วนบุคคลได้ ซึ่งองค์กรสามารถมอบโอกาสทางการเรียนรู้ไปจนถึงให้คำปรึกษา Gen Z เหล่านั้น เพื่อให้สามารถกำหนดเส้นทางการเรียนรู้ส่วนบุคคล ที่สอดคล้องกับเป้าหมายของพวกเขาได้


5. ตัวอย่างที่ดี มีค่ามากกว่าคำสอน

วิธีสอนความเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดวิธีหนึ่งคือการเป็น Case Study ให้พวกเขา ซึ่งเราสามารถแสดงให้ Gen Z เห็นถึงคุณสมบัติ วิธีสื่อสาร การทำงานร่วมกัน ตัดสินใจ และจัดการปัญหาที่อยู่ตรงหน้า จนกว่าพวกเขาจะซึมซับมันหมด


6. สนับสนุนการทดลองข้ามสายงาน

การเอาคนที่ใช่ ไปทำงานที่ใช่ จะถูกต้องมาก ถ้าเหากราสามารถหาความชอบที่แท้จริงของชาว Gen Z เจอ

ฉะนั้น การสอน Gen Z จึงต้องทำมากกว่าสายงานเดิม ซึ่ง Gen Z หลายคนที่ยังหาตัวเองไม่เจอ จะชอบการเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ทำให้พวกเขาสามารถสะสมทักษะที่หลากหลายกว่าเดิม ไปจนถึงเชื่อมช่องว่างทางทักษะระหว่างทีมกับพวกเขาได้ ซึ่งการฝึกนี้ช่วยให้พวกเขาสามารถขยายขีดความสามารถออกมามากกว่าเดิม


7. พูดคุยกันตรง ๆ

Gen-Z ไม่ยอมทนต่อวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นพิษ การเลือกปฏิบัติ การกระทำสองมาตรฐาน และงานที่ไม่ยืดหยุ่นให้เข้ากับชีวิตส่วนตัวของพวกเขา ดังนั้นแล้วลีดเดอร์จำเป็นต้องพูดคุยกับกลุ่มคนเหล่านี้อยู่เสมอ เพื่อสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ปลอดภัย และปรับความคาดหวังของพวกเขา ให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมขององค์กร


การเตรียมพร้อมเหล่า Gen Z สำหรับบทบาทผู้นำ ถือเป็นงานสำคัญสำหรับองค์กรที่ต้องการเติบโตในอนาคต ซึ่งการปฏิบัติตามเคล็ดลับทั้ง 7 ประการนี้จะช่วยเราให้สามารถดึงประสิทธิภาพจากคน Gen Z ได้อย่างสูงสุด จนกลายเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพซึ่งสามารถสร้างแรงบันดาลใจ และขับเคลื่อนความสำเร็จสู่อนาคตได้


ที่มา

trending trending sports recipe

Share on

Tags