5 วิธีเปลี่ยนตัวเองเป็นหัวหน้าที่คนอยากทำงานด้วย

เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ที่เรารู้กันว่าโลกขับเคลื่อนด้วยความอ่อนโยน ความรัก และความเมตตา เพราะการเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ก็ช่วยให้เราสามารถเข้าใจคนได้มากขึ้น นอกจากนั้นในทางกลับกัน ความอ่อนโยนที่เรามอบให้คนอื่นนั้น มันก็ช่วยให้พวกเขา ยื่นมือมาช่วยเหลือเราในยามที่มีปัญหาได้

Last updated on มี.ค. 10, 2024

Posted on มี.ค. 6, 2024

ผู้นำแบบไหน ที่ใครก็อยากทำงานด้วย

เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ที่เรารู้กันว่าโลกขับเคลื่อนด้วยความอ่อนโยน ความรัก และความเมตตา เพราะการเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ก็ช่วยให้เราสามารถเข้าใจคนได้มากขึ้น นอกจากนั้นในทางกลับกัน ความอ่อนโยนที่เรามอบให้คนอื่นนั้น มันก็ช่วยให้พวกเขา ยื่นมือมาช่วยเหลือเราในยามที่มีปัญหาได้

ทว่าก็มีอยู่หลายคนที่พอได้ขึ้นเป็นผู้นำแล้ว กลับต้องสลัดความอ่อนโยนที่มีทิ้งไป

มีคนพูดอยู่บ่อย ๆ ว่าหัวหน้าต้องเข้มแข็ง และเด็ดขาด นั่นจึงทำให้หลายคน เป็นหัวหน้าที่ไม่อ่อนโยน จนลูกทีมรู้สึกเกรงกลัว พอมีคนที่ไม่สามารถตอบสนองความคาดหวังได้ ลีดเดอร์บางคนก็เผลอตกหลุมพรางการใช้อารมณ์กับพวกเขา และมันมักจะส่งผลย้อนกลับ ทำให้การมีส่วนร่วมของลูกทีมลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ในปีที่ผ่านมา NLI ได้สำรวจกลุ่มผู้บริหารที่มีความสามารถหลายร้อยคน และพบว่าทักษะที่ผู้นำทั้งหลายยังขาดอยู่คือเรื่องของความอ่อนโยน และการเป็นพื้นที่ปลอดภัย (Kindness & psychological safety) เพราะสิ่งนี้คือพื้นที่ปลอดภัยที่ลูกทีมมองหาเพื่อใช้สื่อสาร ในขณะเดียวกันความอ่อนโยนนั้น ก็ทำให้ลูกทีมมีความรับผิดชอบในการตอบสนองแบบเกินความคาดหมายด้วย

นั่นอาจแปลว่า ความอ่อนโยนอาจเป็นกุญแจสำคัญของการก้าวเป็นผู้นำในยุคต่อไป เพราะมันสามารถช่วยปรับปรุงการมีส่วนร่วมภายในองค์กรของเรา นอกจากนี้ความอ่อนโยนยังสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ที่พนักงานมีต่อลูกค้าได้อีกด้วย

ทำไมความอ่อนโยนถึงเป็นสิ่งที่หลายคนเพิ่งมาตระหนักช่วงนี้

เพราะว่าก่อนหน้านี้ ความอ่อนโยนมักถูกมองว่าเป็นความอ่อนแอ และจะมีข้อกังขาว่าผู้นำที่ใจดีมาก ๆ อาจตัดสินได้ไม่เด็ดขาดพอ ซึ่งเอาเข้าจริงการแสดงความอ่อนโยน ไม่ได้ทำให้เราดูอ่อนแอเลย แต่มันคือการที่เราแสดงความใส่ใจกับลูกทีมได้มากขึ้น ให้พวกเขารู้สึกว่าเราเข้าหาได้

การแสดงให้พนักงานเห็นถึงความใส่ใจไม่ใช่ศาสตร์ที่ยาก เพียงแค่เราคอยสังเกตว่า ถ้าใครมีปัญหาหรือประสิทธิภาพงานตกต่ำ ก็ถึงเวลาที่จะเราต้องเข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา ซึ่งความใส่ใจนี่แหละเป็นหนึ่งในการแสดงความอ่อนโยน โดยที่ไม่ต้องพูดออกมาเลย

ผู้นำที่ดีจะสามารถตระหนักว่าความอ่อนโยนช่วยเพิ่มความมั่นใจ และการเติบโตของผู้อื่นได้ ทว่าการเป็นคนอ่อนโยนจากก้นบึ้งหัวใจนั้นยากยิ่งกว่า นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมบางคนถึงไม่สามารถเป็นคนที่อ่อนโยนได้

การเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่อ่อนโยนเป็นเรื่องยาก เพราะมันเป็นกระบวนการที่ดูขัดกับความเป็นผู้นำของใครหลายคน ดังนั้นแล้วสิ่งสำคัญคือ เราต้องมีความเห็นอกเห็นใจก่อนเพราะยิ่งเราฝึกฝนมากเท่าไร การเป็นคนอ่อนโยนก็จะง่ายขึ้นเท่านั้น และต่อไปนี้คือ 5 วิธีที่ผู้นำสามารถสร้างความอ่อนโยนให้กับทีมได้

1. ปลุกไฟด้วยการให้คำขอบคุณ

นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เมื่อบุคคลหรือทีมบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ เราเองก็สามารถแสดงความอ่อนโยนด้วยการกล่าวคำขอบคุณพวกเขา ชมเชยถึงความพยายาม วิธีคิด และความสามารถของพวกเขาให้มาก เพราะคำพูดดี ๆ จากเราแค่เพียงเล็กน้อย สามารถปลุกไฟแห่งการทำงานของทีมให้ลุกโชนได้


2. ใช้ความเห็นใจ สะท้อนความอ่อนโยน

การได้รู้จักลูกทีมของเราว่าอะไรเป็นสิ่งที่สำคัญกับพวกเขา ถือเป็นกุญแจที่สำคัญในการฝึกความอ่อนโยนอย่างแท้จริง ยิ่งเราสามารถเชื่อมโยงกับพนักงาน ‘ในฐานะมนุษย์’ ได้มากเท่าไหร่ เราก็จะสามารถเห็นอกเห็นใจพวกเขามากขึ้นเท่านั้น ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในรากฐานสำคัญของความอ่อนโยน

การใช้เวลาทำความเข้าใจคน ในด้านการทำงานหรือพฤติกรรมที่แตกต่างกัน ช่วยให้เราสามารถสื่อสาร และทำงานร่วมกับลูกทีมในแบบปัจเจกบุคคลได้ ซึ่งการแสดงให้ทีมเห็นว่าเราสนใจพวกเขา มันจะช่วยสะท้อนความสนใจ รวมทั้งสะท้อนความซาบซึ้งแบบเดียวกันกลับมาหาเรา


3. ให้อภัยด้วยโอกาสครั้งที่สอง

ความขุ่นเคืองกันมักจะทำให้ผู้คนแปลกแยก และทำให้การมีส่วนร่วมในการทำงานของทีมลดลง ซึ่งการให้โอกาสครั้งที่สองกับใครสักคน เป็นวิธีที่ดีในการแสดงความมีน้ำใจ และมันเป็นการให้ความมั่นใจแก่พวกเขา เพื่อการพยายามแก้ตัวอีกรอบอย่างเต็มที่


4. ตระหนักถึงปัญหาที่ลูกทีมเผชิญ

เมื่อเราสังเกตเห็นว่าพนักงานคนใดคนหนึ่ง อาจประสบปัญหาในการทำงาน อย่ารีบบอกวิธีแก้ปัญหา แต่ให้พวกเขารู้ว่า เรารู้ถึงปัญหาที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ และพวกเขาอยากจะแชร์ไหม

สิ่งเหล่านี้คือการฝึกฝนความเห็นใจ เพราะมันส่งผลกระทบอย่างมากต่อขวัญกำลังใจในทีม ซึ่งการแสดงความอ่อนโยน ยังช่วยให้พนักงานเข้าใจว่าเราเป็นพันธมิตร เราใส่ใจกับความต้องการของพวกเขา และเราคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของลูกทีมอยู่เสมอ


5. อย่าละเลยวัฒนธรรมทางสังคม

ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะยิ้มแล้วพูด อรุณสวัสดิ์, ทานข้าวมาหรือยัง, สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาไปไหน ลองมีปฏิสัมพันธ์กับลูกทีมในเรื่องอื่น ๆ ดูสิ สิ่งนี้จะช่วยให้เราอ่อนโยนมากขึ้น 

ในโลกธุรกิจที่มีความต้องการสูง บางครั้งวัฒนธรรมทางสังคมเหล่านี้ อาจถูกลืมไปในจังหวะของการทำงาน  จงอย่าคิดว่าเราจะต้องละทิ้งการเป็นคนดีเพื่อธุรกิจ! เพราะไม่ว่าธุรกิจของเราจะเป็นเช่นไร ความอ่อนโยนเป็นวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง ที่จะช่วยให้แน่ใจว่า เราจะรักษาวัฒนธรรมแห่งความเมตตาภายในองค์กรของเราไว้ได้


การเป็นคนอ่อนโยนต้องใช้การตระหนักรู้ในตนเอง และกรอบความคิดที่ทำให้เราสามารถมองเห็นความดีของผู้อื่นได้ การเป็นผู้นำด้วยความอ่อนโยนจึงเป็นอิทธิพลอันทรงพลัง เพราะมันจะช่วยขัดเกลาความดีในใจที่เรามีได้ ครั้งเวลาเดินไปรอบ ๆ บริษัท ก็ให้มองหาโอกาสที่จะแสดงความอ่อนโยนให้ลูกทีมเห็นบ้าง แล้วทีมของเราจะตอบแทนด้วยการปฏิสัมพันธ์กับความอ่อนโยนที่เรามอบให้อย่างเต็มที่


แปล เรียบเรียง: พีรพล สดทรัพย์

ที่มา

trending trending sports recipe

Share on

Tags