4 เสาหลักความคิดสร้างสรรค์ที่ทำให้ Discord ก้าวเป็นแพลตฟอร์มสื่อสารอันดับหนึ่งของเกมเมอร์

Last updated on พ.ย. 22, 2023

Posted on พ.ย. 17, 2023

🚨 ตือดึง 🚨

เสียงโซนิกไอคอนอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ดังขึ้นทุกครั้งเมื่อเราเปิดโปรแกรม Discord ซึ่งเป็นหนึ่งในเสียงที่คนเล่นเกมทุกคนต้องจำมันได้ดี เพราะมันเป็นเสียงที่บอกเราว่าเมื่อไหร่ที่เพื่อนเข้าหรือออกไปจากห้องนั่นเอง

เชื่อเลยว่าหลายคนคงมีโซเชียลมีกันอยู่หลายตัวอยู่แล้ว แต่หากจะพูดว่า Discord เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก แต่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้จักนั้นก็คงไม่ผิดนัก เพราะแพลตฟอร์มนี้เริ่มมาจากกลุ่มคนเล่นเกม โดย ณ ปัจจุบัน มีจำนวนยูสเซอร์ที่ลงทะเบียนใน Discord ถึง 560 ล้านคน แม้ว่าหลายล้านคนในนี้อาจจะสร้างมาใช้ครั้งเดียวหรือสร้างทิ้งไว้ไม่ได้กลับมาใช้งานเป็นประจำ แต่ตัวเลขนี้ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่ Discord ที่จะเติบโตต่อไปในอนาคตข้างหน้า

สำหรับคนเล่นเกมแล้ว อาจคิดว่า Discord อยู่กับเรามานานหลายปี (ผู้เขียนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น) แต่ความจริงแล้ว น้องเพิ่งจะมีอายุ 8 ขวบเองนะ ซึ่ง Discord ถูกสร้างโดย เจสัน ซิตทรอน (Jason Citron) และ สตานิสลาฟ วิชเนฟสกี้ (Stanislav Vishnevskiy) ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์ม OpenFeint กับ Guildwork เพราะพวกเขานั้นรู้สึกหงุดหงิดที่เวลาเล่นเกม แล้วเกมเมอร์มักจะมีตัวเลือกไม่มากสำหรับแพลตฟอร์มสื่อสาร แถมหน้าตาของโปรแกรมบางตัวก็เทอะทะจนใช้ยาก บางตัวก็ไม่น่าเชื่อถือ นั่นทำให้พวกเขาลงมือสร้างแพลตฟอร์มที่ก้าวข้ามทุกคุณสมบัติของแพลตฟอร์มสื่อสารในเวลานั้นขึ้นมา

🌟 Discord สามารถทำอะไรได้? 🌟

แพลตฟอร์มนี้เป็นเครื่องมือสื่อสารที่อเนกประสงค์ แม้ว่าจะสร้างมาเพื่อเกมเมอร์ก็จริง แต่ความจริงมันสามารถทำได้ทุกอย่าง ตั้งแต่พูดคุย แชร์ไฟล์ สร้างห้อง วิดีโอแชต ตกแต่งคอมมูนิตี้ และอื่น ๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าใช้งานง่าย แถมดีกว่าแอปแชตบางตัวในโทรศัพท์ซะอีก โดยมีประมาณการว่าผู้ใช้ Discord ทั่วโลกแลกเปลี่ยนข้อความประมาณสี่พันล้านข้อความต่อวัน และคนมากมายใช้ Discord 144 ชั่วโมงต่อปี

จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ในฐานะเครื่องมือสื่อสารที่เน้นเกมเมอร์เป็นหลักนี้เอง ทำให้ Discord ได้เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ขณะนี้มีผู้ใช้งานต่อวันหลักล้านคนทั่วโลก ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความเก่งกาจที่สามารถดึงดูดชุมชนต่าง ๆ มาไว้ที่นี่ได้ จาก 4 เสาหลักความคิดสร้างสรรค์เหล่านี้

💠 1. สร้างชุมชนของคนทุกกลุ่ม 💠

แม้ในตอนแรก Discord มีเป้าหมายไปที่เกมเมอร์ แต่หลังจากนั้นก็ได้ขยายออกไปเพื่อดึงดูดผู้ใช้ในวงกว้างมากขึ้น โดยแพลตฟอร์มนำเสนอคุณสมบัติที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะของคนทำงาน ตั้งแต่การแชตด้วยเสียงกับข้อความ การแชร์ไฟล์ที่ไม่หมดอายุ มีการแชร์หน้าจอ รวมถึงสามารถเลือกใช้เซิร์ฟเวอร์ได้อย่างอิสระ ในจำนวนผู้ใช้ Discord กว่า 500 ล้านคนทั่วโลกนั้น มีคนใช้เล่นเกมเพียง 31% นอกจากนั้นจะ.ใช้ทำงาน 25 % และใช้เป็นโซเชียลมีเดียอีกกว่า 18.8%


💠 2. ยึดมั่นความเป็นคอมมูนิตี้ 💠

หากจะพูดถึงจุดเด่นของ Discord แล้ว คอมมูนิตี้ก็คือจุดแข็งของแพลตฟอร์มนี้อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะคุณสมบัติของแพลตฟอร์มนี้เน้นหนักไปที่การสร้างชุมชน นั่นทำให้เราสามารถเข้าหาคนได้ทุกกลุ่ม รวมถึงสร้าง และเข้าร่วมเซิร์ฟเวอร์ได้เอง ซึ่งการสร้างคอมมูนิตี้ที่เชื่อมคนนับล้าน แม้จะยังไม่เคยเจอตัวจริงนี่แหละ ที่ทำให้คอมมูนิตี้ของ Discord แข็งแรงจนหลายคนต้องหันมาใช้ จนมีการวิจัยว่าผู้คนประมาณ 1.25% บนโลกนั้นใช้ Discord โดยแค่ในสหรัฐก็มีคนใช้ไปแล้วเกือบ 220 ล้านคน


💠 3. ผ้าใบแห่งความคิดสร้างสรรค์ 💠

ความมุ่งมั่นของ Discord ในการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์นั้น เห็นได้ชัดเจนจากฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ผู้ใช้งานสามารถใส่ไอเดียในการ ‘ปรับแต่ง’ เองได้ ซึ่งเราสามารถสร้างอีโมจิจากรูปตัวเอง มีบอตที่ควบคุมเนื้อหาข้างใน แถมยังผสานรวมตัวเองเข้ากับแพลตฟอร์มอื่น ๆ ได้อย่างสบาย ซึ่งการที่ Discord สามารถปรับแต่งห้องสนทนาของตนได้อย่างอิสระ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างสรรค์เครื่องมือเฉพาะตัวขึ้นมา จนกลายเป็นพื้นที่ของคนทุกกลุ่ม

ความนิยมของ Discord เป็นแรงบันดาลใจให้นักพัฒนาหลายราย เริ่มพัฒนาแอปพลิเคชันที่เป็นชุมชนออนไลน์ขึ้นมา โดยในปี 2023 Discord มีชุมชนที่เป็นเซิร์ฟเวอร์ของผู้ใช้งานอยู่ที่ประมาณ 19 ล้านชุมชนต่อสัปดาห์ ซึ่งจุดพีคคือการมาของ AI สร้างรูปอย่าง Midjourney ที่ถ้าใครอยากจะลองสร้างรูปภาพจาก AI ขึ้นมาก็ต้องสมัคร Discord เพื่อเข้ามาใช้เซิร์ฟเวอร์ของ Midjourney นั่นเองล่ะ


💠 4. เข้าถึงคนให้ ‘ง่าย’ ที่สุด 💠

Discord เป็นแพลตฟอร์มที่เข้าถึงได้ง่ายมาก แม้จะเป็นผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีก็ตาม เพราะมันให้บริการในทุกแพลตฟอร์ม ตั้งแต่โทรศัพท์ไปยันคอมพิวเตอร์ ซึ่งต่อให้เราจะไม่มีพื้นที่เหลือในการโหลดแล้ว แต่ Discord ก็ยังสามารถใช้งานได้ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ นั่นทำให้เราสามารถติดต่อกับเพื่อนได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน แถมที่สำคัญคือ Discord นั้นใช้ฟรี ซึ่งครอบคลุมทุกฟีเจอร์ที่คนทำงานต้องใช้ มากกว่าแพลตฟอร์มใหญ่หลาย ๆ ตัวเลยล่ะ

การก้าวขึ้นสู่ความโดดเด่นของ Discord ได้รับการสนับสนุนจากการก่อตัวอย่างรวดเร็วของชุมชนเกมเมอร์ ตั้งแต่สตรีมเมอร์ใน Twitch และผู้มีอิทธิพลด้านเกมในยูทูบได้ใช้ให้คนดูเห็น จนคนดูได้แห่ตามไปใช้แพลตฟอร์มนี้ นั่นทำให้ในปัจจุบันดิสคอร์ดทำรายได้ถึง 445 ล้านเหรียญในปี 2022 โดยมีรายได้มาจากบริการอัปเกรดเซิร์ฟเวอร์ การลงโฆษณา และร้านเกมในเครือ ซึ่งแค่บริการอัปเกรด Discord Nitro เพียงอย่างเดียว Discord ก็ทำกำไรไปแล้วกว่า 207 ล้านเหรียญ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าแม้จะเป็นแพลตฟอร์มที่เปิดฟรี แต่หากเราสามารถทำได้ดี ผู้ใช้งานก็พร้อมจะจ่ายเงินให้เพื่อประสบการณ์ที่ดีกว่าอย่างคุ้มค่า


การเดินทางของ Discord อันเกิดจากเกมเมอร์ผู้หงุดหงิดในความเทอะทะของโปรแกรมสื่อสาร ได้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อคนทั้งโลก ซึ่งนวัตกรรมความคิดสร้างสรรค์นี้ได้ทำให้ Discord เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นเบอร์หนึ่งของแพลตฟอร์มที่คนเล่นเกมใช้ และเป็นแพลตฟอร์มที่คนทำงานหลายองค์กรใช้สื่อสารมาจนถึงทุกวันนี้เลยล่ะ


แปล เรียบเรียง: พีรพล สดทรัพย์

ที่มา

trending trending sports recipe

Share on

Tags