สรุป 3 เทรนด์อีคอมเมิร์ซ 2024 จาก EXPLODING TOPICS

Last updated on ม.ค. 8, 2024

Posted on ม.ค. 3, 2024

เชื่อว่าหลายคนรับรู้ถึงการมาของ AI กันเป็นอย่างดี แต่ในวันนี้อยากหยิบยกเทรนด์ธุรกิจที่น่าสนใจ และมีแนวโน้มที่จะดีอย่างต่อเนื่อง โดยขอนำข้อมูลจากเว็บไซต์ EXPLODING TOPICS ถึงการวิเคราะห์แนวโน้มเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้คน, เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับธุรกิจทั่วโลก ซึ่ง 3 เทรนด์มาแรงนี้น่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่มีธุรกิจไม่ว่าจะขนาดไหนก็ตาม

และนี่คือ 3 เทรนด์ธุรกิจ E-Commerce มาแรงในปีหน้า!

🌎 1. E-Commerce เติบโตอย่างต่อเนื่อง

ตัวแปรสำคัญของการเติบโตเกิดจากการระบาดครั้งใหญ่ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมใหม่ และถึงแม้การระบาดได้สิ้นสุดลงแล้ว ผู้คนก็ยังให้ความสำคัญกับการช้อปออนไลน์เหมือนเดิม และดูท่าทีจะมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Shopify บริษัทอีคอมเมิร์ซจากแคนาดารายงานว่า ธุรกิจอีคอมเมิร์ซมีอัตราการเติบโตอย่างช้า ๆ แต่โตขึ้นเรื่อย ๆ โดยในปี 2023 ยอดขายอีคอมเมิร์ซทั่วโลกมีมูลค่ารวม 6.3 ล้านล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 8.1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2026

และจากข้อมูลของเว็บไซต์ STATISTA เผยถึงตัวเลขการเติบโต โดยในปี 2020 ยอดขายอีคอมเมิร์ซคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 14% ของยอดค้าปลีกทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 22% ในปี 2025 โดยจากสถิตินี้เราสามารถอิงได้จากแบรนด์ที่มีรายได้สูงสุดในปีที่ผ่านมานั่นคือ Amazon, eBay, Costco, Walmart, Target หลายแบรนด์เป็นทั้งผู้ค้า และผู้จัดจำหน่าย แบรนด์เหล่านี้คือบริษัทค้าปลีกออนไลน์ที่เติบโตไวเป็นอันดับต้น ๆ

ในด้านของสินค้าหมวดหมู่ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, อุปกรณ์ปรับปรุงบ้าน (home improvement), ของตกแต่งบ้าน ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากตัวอย่างในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์คาดว่าจะสร้างรายได้จากอีคอมเมิร์ซมากกว่า 14.9 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 และเติบโตเป็น 208 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2025 ซึ่งคิดเป็น 12% ของยอดขายอีคอมเมิร์ซทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา

อีกตัวอย่างที่น่าสนใจจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Disney ที่ไม่ได้ผลิตแค่แอนิเมชัน แต่ก็กระโดดลงมาเล่นในสนามอีคอมเมิร์ซ โดยเมื่อต้นปี 2021 ได้ปิดร้านค้าในอเมริกาเหนือไปมากถึง 60 แห่งเพื่อทุบงบทั้งหมดไปที่การขายในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และในช่วงปลายปี 2022 ก็ได้ขยายแพลตฟอร์มอย่าง Disney+ โดยที่อเมริกาจะมีร้านค้าไว้สำหรับซื้อสินค้าสุดพิเศษ (Exclusive Merchandise) เฉพาะผู้ที่ใช้งาน Disney+ เท่านั้น ส่งผลให้ยอดการค้นหา (Search Volume) ในโลกออนไลน์เพิ่มขึ้นถึง 74%

หรืออีกตัวอย่างที่สร้างยอดขายได้น่าสนใจอย่าง Your Super บริษัทอาหารเสริม Superfood ก็ได้รับความสนใจและเติบโตอย่างมาก จากข้อมูลเว็บไซต์ Growjo ระบุว่ารายได้ต่อปีสูงถึง 3.9 ล้านดอลลาร์ จากการกระโดดเข้ามาเล่นในตลาดอีคอมเมิร์ซ


🌎 2. ใช้ AI มาช่วยลดต้นทุน

ในปีนี้เราจะเห็นถึง ลูกค้ามีทางเลือกในการซื้อมากขึ้น ไหนจะบริการ Subscription ที่มีมากมายหลากหลายเจ้า นั่นหมายถึงเราจะทำอย่างไรที่จะซื้อใจ ดึงดูดใจ รักษาลูกค้าให้อยู่กับเราได้อย่างยั่งยืน เรื่องนี้จะกลายเป็นความท้าทายให้กับทุกธุรกิจ

จากข้อมูลของ CX Trends ระบุไว้ว่า Customer Service และ Customer Experience มีความสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ในส่วนของ Gartner ได้รายงานงบประมาณที่เกี่ยวกับข้องกับ Customer Service บริษัทจะให้ความสำคัญและทุ่มไปที่ ‘เทคโนโลยี’ สูงถึง 7.6% รองลงมาคือการฝึกอบรม

ส่วนในด้านผลกระทบที่น่าสนใจของ AI จากการายงานของ Gartner คาดว่าจะประหยัดต้นทุนสูงถึง 80 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2026 โดยจากหนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจคือ Camping World บริษัทผู้ขายปลีกรถบ้าน (RV) อันดับหนึ่งทั่วโลก ซึ่งใช้ระบบ AI จาก IBM เพื่อจัดการ Customer Contact ของบริษัท โดยโซลูชันตัวนี้เสมือนตัวแทนลูกค้า สามารถโต้ตอบ ค้นหาข้อมูลโดยอัตโนมัติ และตอบคำถามของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการนำ AI เข้ามานี้ช่วยเพิ่มลูกค้าได้มากถึง 40% และเวลารอสายจากการโทรลดลงเหลือเพียง 33 วินาทีต่อสาย


🌎 3. Last-mile Delivery จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น

Last-mile Delivery คือ รูปแบบการขนส่งสินค้าจากร้านค้าส่งถึงที่อยู่ปลายทางของลูกค้า เช่น ไปรษณีย์ไทย, lalamove เป็นต้น เรื่องนี้ส่งผลจากการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค โดยจากรายงานพบว่า ผู้บริโภคหนึ่งในสามซื้อสินค้าขายปลีกทางออนไลน์ และจัดส่งในวันเดียวกันมากขึ้น รวมถึงผู้บริโภคเกือบ 80% มีแนวโน้มซื้อสินค้ามากขึ้น หากได้รับสินค้าภายใน 2 วัน หรือยิ่งน้อยกว่านั้นยิ่งดี

ในด้านของการจัดส่งด้วย ‘โดรน’ อาจจะยังไม่ได้พูดถึงในวงกว้าง แต่มีความน่าสนใจจากการวิจัยพบว่า โดรนทั่วโลกอาจมีมูลค่า 5.56 พันล้านดอลลาร์ ภายในปี 2030 แต่ก็มีบางบริษัทได้รับอนุญาตจาก FAA หรือ องค์การบริหารการบินแห่งชาติ ให้เริ่มจัดส่งโดรน เช่น Amazon, Wing และ Flytrex เป็นต้น โดยบริษัท Wing ซึ่งเป็นบริษัทของ Alphabet (บริษัทแม่ Google) กำลังทดสอบโดรนในเวอร์จิเนีย และเท็กซัส จนถึงขณะนี้มียอดส่งมอบมากถึง 250,000 รายการ

อีกหนึ่งบริษัทที่น่าสนใจคือ LogiNext เป็นบริษัทในรัฐนิวเจอร์ซีย์ที่นำเสนอโซลูชัน AI ที่เรียกว่า SaaS (Software as a Service) โดยดึงความสามารถของ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการในการค้นหาเส้นทาง เพื่อวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ต่อการส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้า โดยสามารถคำนวณได้ตั้งแต่ สภาพอากาศ, รูปแบบการจราจร รถติดมากน้อยแค่ไหน, การระบุจำนวนชั่วโมงการจัดส่งอย่างแม่นยำ และตัวแปรอื่น ๆ อีกมากมาย


โดยสรุป 3 เทรนด์ธุรกิจที่น่าสนใจ เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่อยากนำมาเล่าถึงหลายประเทศที่เริ่มปรับตัวกันมากขึ้น

แต่ถ้าอยากรู้เทรนด์ก่อนใคร และสามารถปรับใช้กับองค์กรได้จริง ห้ามพลาดงานนี้เด็ดขาด!

“AP Thailand Presents CTC FORECAST 2024 รู้ก่อน เริ่มก่อน เปลี่ยนแปลงก่อน”
เตรียมพบ Speaker จาก 7 เทรนด์สำคัญในการทำธุรกิจ
✨ Creativity | Innovation | People | ESG | Entrepreneur | Marketing | Global
📌 งานจัดวันเสาร์ที่ 20 ม.ค. 2024 ณ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ

[ ราคาบัตร ]
👉 Floor 1 ราคา 1,700.- (Normal 1,900.-)
👉 Floor 2 ราคา 1,500.- (Normal 1,700.-)

*ราคานี้ยังไม่รวม vat 7% และไม่สามารถระบุเลขที่นั่งได้ (First come first serve)
**มีค่าที่จอดรถ ไม่สามารถแสตมป์บัตรจอดรถได้ (กรณีนำรถส่วนตัวมา)

ซื้อบัตรได้แล้วที่ https://bit.ly/ctcforecast2024

CREATIVE TALK CONFERENCE FORECAST 2024 | Zipevent - Inspiration Everywhere
CREATIVE TALK CONFERENCE FORECAST 2024 -

แปล เรียบเรียง: กิตติภพ ปานล้ำเลิศ

ที่มา

trending trending sports recipe

Share on

Tags