“เปลี่ยนจุดอ่อน ให้เป็นจุดแข็ง” ด้วยการบอกจุดด้อยของตัวเอง

Last updated on เม.ย. 1, 2024

Posted on ส.ค. 13, 2020

จุดอ่อนของคุณคืออะไร?

ถ้าใครเคยผ่านการสัมภาษณ์งานมาแล้ว หนึ่งในคำถามที่มักจะถูกถามอยู่เสมอก็คือ “จงบอกข้อเสียของคุณ” ดังนั้น เวลาเรากำลังพรีเซนต์อะไรก็ตาม “อย่าลืมนำเสนอจุดอ่อนของเราด้วย”

ลองนึกภาพตามว่า ตลอดเวลาที่เรากำลังพูดถึงข้อดีต่าง ๆ ว่า ทำไมเขาต้องซื้อสินค้าของเรา ทำไมเขาต้องลงทุนกับเรา ในมุมของคนฟังเองก็มักจะมีคำถามอยู่ในใจตลอดเวลาว่า “จริงหรอ?” หรือ “สิ่งที่เรากำลังพูดถึงเนี่ย มันดีขนาดนั้นเลยหรอ?” และเขาก็จะพยายามตั้งคำถามคัดค้านออกมาว่า “มันต้องมีเรื่องที่ไม่ดีบ้างสิ”

ตัวอย่างเช่น เรากำลังไปขายไอเดียให้ลูกค้า แล้วเราบอกว่า ไอเดียนี้ดีมากเลย นู่น นี่ นั่น แน่นอนว่า จะต้องมีลูกค้าบางคนมีความคิดในใจว่า “เอ้ย จริงหรอ ขนาดนั้นเลยหรอ”

แต่ถ้าเราบอกออกไปก่อนว่า “ไอเดียนี้ยังไม่ดี 100%” หรือ “ผมคิดว่าไอเดียนี้มันยังมีจุดอ่อนตรงนี้ และถ้าผมได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากคุณลูกค้ามา ไอเดียนี้จะดียิ่งขึ้นแน่นอน” แบบนี้จะทำให้คนฟังรู้สึกดีมากกว่าแน่นอน

มีกรณีตัวอย่างหนึ่งที่อธิบายได้อย่างดีเลย คือว่า คู่สามีภรรยาชาวอเมริกา Rufus Griscom และ Alisa Volkman ในขณะนั้นกำลังสวมหมวกผู้ปกครองอย่างเต็มตัวหลังจากมีลูกด้วยกัน 1 คน ทั้งคู่เกิดความตกใจมากกับโฆษณาสินค้าที่พูดเกินจริงหรือการได้รับคำแนะนำผิด ๆ เกี่ยวกับการเลี้ยงลูก เขาจึงเริ่มทำเว็บไซต์ที่ใช้ชื่อว่า Babble.com ขึ้นมา เพื่อนำเสนอเรื่องราวที่มันเป็นความจริง ไม่บิดเบือน และมีความน่าเชื่อถือ

แน่นอนว่าการทำเว็บไซต์แบบนี้ จัดอยู่ในกลุ่มธุรกิจ Startup ทำให้เขาต้องคอยเดินหน้าเข้าไปหานักลงทุน เพื่อช่วยทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ โดยทั่วไปวิธีการหานักลงทุนของ Startup คือ การนำเสนอข้อดีต่าง ๆ บอกกับนักลงทุนว่า สิ่งที่เรากำลังจะทำอยู่นี้ มีข้อดีอะไรและทำไมเขาต้องลงทุนกับเรา

แต่สำหรับพ่อแม่คู่นี้ เขามีวิธีการที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เพราะเขาเริ่มการพรีเซนต์ด้วยข้อความว่า “นี่คือเหตุผลว่าทำไมคุณจึงไม่ควรลงทุนในกิจการของเรา” นักลงทุนทุกคนที่ได้เห็นข้อความนั้น ก็ต่างพากันหัวเราะกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเป็นการนำเสนอที่ดูแปลกๆ อยู่ๆ ก็มาบอกข้อเสีย

ปรากฏว่า หลังจากผ่านสไลด์แรกไป ทุกคนกลับตั้งใจฟังอย่างเต็มที่ ทำให้การระดมทุนครั้งแรกของสามีภรรยาคู่นี้ ได้รับเงินสนับสนุนถึง 3.3 ล้านเหรียญ เลยทีเดียว .ต่อมาเว็บไซต์นี้เติบโตขึ้นมาก ขนาดที่สามารถขายให้กับดิสนีย์ได้เลย โดยในวันที่ไปขายให้กับดิสนีย์นั้น เขายังคงสไตล์การพรีเซนต์แบบเดิม นั่นก็คือ เริ่มการนำเสนอด้วยเหตุผลที่ดิสนีย์ไม่ควรซื้อกิจการของ Babble และผลลัพธ์ก็คือ ดิสนีย์ซื้อ Babble ไปเรียบร้อย

ถอดความจาก Morning Call Podcast
เรียบเรียงโดย สนธยา สุตภักดิ์

ติดตามฟังเรื่องราวสนุก ๆ แบบนี้ได้ใน CREATIVE TALK PODCAST

Spotify
SoundCloud
Podbean
Apple Podcast
trending trending sports recipe

Share on

Tags